ความคิดริเริ่มด้านความร่วมมือพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทย-ญี่ปุ่น


ธันวาคม 2559


1. ความจำเป็นและความท้าทายต่อการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมของประเทศไทย

(1) ความจำเป็นในการพัฒนาฝึกฝนทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมของประเทศไทย

       เพื่อให้ไทยบรรลุถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจในก้าวต่อไป โดยไม่ต้องตกอยู่ภายใต้ “กับดักประเทศที่มีรายได้ปานกลาง” นั้น รัฐบาลไทยได้มีการออกมาตรการต่างๆเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศ

       ญี่ปุ่น เป็นประเทศที่เข้ามาลงทุนโดยตรงในไทยมากที่สุด โดยไทยเป็นฐานในการก่อตั้งบริษัทในเครือของญี่ปุ่นในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวคือ มีบริษัทของญี่ปุ่นในไทยประมาณ 5,000 บริษัท และมีคนไทยเข้าร่วมงานกับบริษัทในเครือญี่ปุ่นมากถึง 900,000 คน ประเทศญี่ปุ่นรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย

       ภายใต้สถานะการณ์ดังกล่าว การฝึกอบรมและพัฒนาบุคคลากรในอุตสาหกรรมของประเทศจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการที่จะยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมให้มีประสิทธิภาพอย่างแท้จริงและการสร้างบุคคลากรที่ประกอบไปด้วยปริมาณและคุณภาพ เช่น ผู้มีทักษะที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบทางด้านการผลิตสิ่งของ (Monozukuri) วิศวกรที่ดูแลรับผิดชอบทางด้านการออกแบบ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมถึงนักวิจัยที่จะขับเคลื่อนนวัตกรรมนั้น ทำให้จะบรรลุถึง “การนำทักษะและเทคโนโลยี่มาประยุกต์ใช้ด้วยตัวเอง” ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและก่อให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆขึ้นได้


(2) ความร่วมมือในการฝึกอบรมการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านอุตสาหกรรมโดยประเทศญี่ปุ่น

       ในช่วงปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือและความร่วมมือในการฝึกอบรมการพัฒนาทรัพยากรบุคคลในอุตสาหกรรมให้แก่ประเทศไทยทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และในการประชุมสุดยอดญี่ปุ่น-อาเซียน เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา ได้มีการประกาศการให้ความช่วยเหลือใน “ความคิดริเริ่มด้านความร่วมมือพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านอุตสาหกรรม” เป็นเวลา 3ปี ซึ่งเป็นการฝึกอบรมบุคคลากรในอุตสาหกรรมจำนวน 40,000 คนจากภูมิภาคอาเซียน

       กล่าวโดยทั่วไปแล้ว ญี่ปุ่นมีความประสงค์และต้องการสนับสนุนการพัฒนาบุคคลากรทางด้านอุตสาหกรรมเพื่อยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมไทยโดยเคารพและตั้งอยู่ในความเหมาะสมภายใต้นโยบายความเป็นอิสระของฝ่ายไทยโดยตั้งอยู่บนพื้นฐานถึงความต้องการของฝ่ายไทยผ่านการหารือพิจารณากับทั้งภาครัฐและภาคเอกชนของไทยกันอย่างต่อเนื่อง


(3) สรุปประเด็นต่างๆในการฝึกอบรมพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางด้านอุตสาหกรรมในประเทศไทย

       ความท้าทายหลังจากการจัดงานสัมมนาโต๊ะกลมเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งจัดขึ้นโดย สถานเอคอัครราชทูตญีปุ่นประจำประเทศไทย ภายใต้ความร่วมมือขององค์การ... (ไจก้า) และ เนชั่นมัลติมีเดียกรุ๊ป ในเดือนมีนาคม และเดือนมิถุนายน 2559 ที่ผ่านมานั้น มีข้อสรุปในประเด็นต่างๆจากการรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้

  1. ควรจัดให้มีการฝึกอบรมและเพิ่มจำนวนของบุคลากรผู้มีทักษะและวิศวกรที่สามารถออกแบบและพัฒนา
  2. ควรพิจารณาให้ความสำคัญถึงความต้องการของตลาดอุตสาหกรรมและการฝึกอบรมหลังการว่าจ้าง
  3. ควรมีการส่งเสริมให้มีความร่วมมือกันระหว่าง ภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และภาครัฐของ ญี่ปุ่นและไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพด้านการวิจัยและการพัฒนา
  4. ควรร่วมกันผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการพัฒนาด้านทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาคนี้
  5. ควรร่วมกันส่งเสริมผลักดันให้เยาวชนไทยให้หันมาสนใจงานด้านวิศวกรรมกันให้มากขึ้น

2. มาตรการที่เป็นรูปธรรมด้านความร่วมมือพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านอุตสาหกรรม

       จะพิจารณาตามมาตรการที่เป็นรูปธรรมโดยยึดหลักตาม1.(3)1-5 ดังต่อไปนี้

(เสาหลักที่ 1) การให้ความช่วยเหลือโดยร่วมมือกับหน่วยงานการศึกษาไทยและญี่ปุ่น: การสร้างวิศวกรภาคปฏิบัติ (Practical Engineer) และวิศวกรนวัตกรรม (Innovative Engineer

(1)โครงการความร่วมมือแบบเงินกู้สำหรับสร้างวิศวกร (แผนความร่วมมือพัฒนาทรัพยากรบุคคลในด้านอุตสาหกรรมระหว่างไทย – ญี่ปุ่น (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) (หน่วยงานหลัก: ไจก้า)

       ความร่วมมือเพื่อสร้างช่างฝีมือที่สามารถนำประสบการณ์และความรู้จากญี่ปุ่นในการผลิตสิ่งของ (Monozukuri) ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างทรัพยากรมนุษย์ด้านวิศวกรรมศาสตร์ซึ่งมีความจำเป็นต่อภาคอุตสาหกรรมของไทย

       ดังนั้น เพื่อสนองตอบต่อความต้องการของไทย รัฐบาลญี่ปุ่นมีความประสงค์ที่จะให้ความช่วยเหลือเพื่อสร้าง1. วิศวกรภาคปฏิบัติ (Practical Engineer) ซึ่งมีความจำเป็นต่อส่วนการผลิตจริงของอุตสาหกรรม โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นวิทยาลัยการอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคโนโลยีของประเทศไทย 2.วิศกรนวัตกรรม (Innovative Engineer) ที่สามารถทำการวิจัยและพัฒนา (R&D) และการออกแบบและพัฒนา (D&D) ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมไทย โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายคือ มหาวิทยาลัยต่างๆในไทยที่มีสาขาวิศวกรรมศาสตร์ โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะประสานรูปแบบความช่วยเหลือ (scheme) ต่างๆ ผ่านทางไจก้า อาทิ เช่น ความช่วยเหลือแบบเงินกู้ ความร่วมมือทางวิชาการ และรูปแบบอื่นๆ ในการสร้างหลักสูตร Monozukuri แบบญี่ปุ่นร่วมกับหน่วยงานด้านการศึกษาของไทย การให้การอบรมแก่อาจารย์ผู้สอน ณ ประเทศญี่ปุ่น และการศึกษาต่อไปยังต่างประเทศหรือการฝึกงานของนักเรียนนักศึกษา เป็นต้น

(2) การให้ความช่วยเหลือแก่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคโนโลยีของประเทศไทย โดย National Institute of Technology (หน่วยงานหลัก: National Institute of Technology)

       จากการให้ความช่วยเหลือแบบเงินกู้ตามที่กล่าวมาแล้วในข้อที่ 1 และความร่วมมือจาก National Institute of Technology (KOSEN) ซึ่งประสบความสำเร็จในการยกระดับวิทยาลัยเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นให้สูงขึ้นด้วยการปรับโครงสร้างการเรียนการสอนในวิทยาลัยการอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคโนโลยีหลายแห่ง จึงถือโอกาสนี้นำเอารูปแบบดังกล่าวมาปรับใช้ เช่น การปรับปรุงวิธีการเรียนการสอน และการพัฒนาหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญสังกัดใน National Institute of Technology (KOSEN) และการรับครูผู้สอนและนักเรียนเข้าในวิทยาลัยเทคโนโลยีซึ่งสังกัดใน KOSEN ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับวิทยาลัยการอาชีวศึกษาและวิทยาลัยเทคโนโลยีทั่วประเทศไทย

       นอกจากนี้ ยังร่วมมือกับโรงเรียนวิทยาศาสตร์ต้นแบบของประเทศไทย (โรงเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้นและตอนปลายที่มุ่งเน้นการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์จำนวน 12 แห่ง) โดยคัดเลือกนักเรียนเพื่อไปศึกษาต่อยังวิทยาลัยเทคโนโลยีซึ่งสังกัดอยู่ใน KOSEN ประเทศญี่ปุ่น

(3) การเชิญนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมศาสตร์เข้าร่วมงานนวัตกรรมเอเชีย (Innovative Asia) (หน่วยงานหลัก: ไจก้า)

       รัฐบาลญี่ปุ่นจะดำเนินการในเรื่องต่อไปนี้ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมแห่งนวัตกรรมในทวีปเอเชียอันจะนำไปสู่การพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้เกิดขึ้นในทวีป โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักศึกษาที่มีความสามารถเป็นเลิศ (ในระดับปริญญาตรีและระดับบัณฑิตวิทยาลัย) ของมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านวิศวกรรมศาสตร์จากประเทศในทวีปเอเชีย

(4) ระบบระเบียบการมอบทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นให้กับนักศึกษาชาวต่างชาติ

      จนถึงปัจจุบัน ระบบการมอบทุนการศึกษาของรัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่นักศึกษาชาวต่างชาตินั้น ได้ผลิตทรัพยากรบุคคลชั้นนำที่มีความสามารถในภาคอุตสาหกรรม ภาครัฐ และภาคการศึกษาขึ้นอย่างมากมายในประเทศไทย ทั้งนี้ ประเทศญี่ปุ่นมีความประสงค์ที่จะให้ความร่วมมือในการฝึกฝนทรัพยากรบุคคลทางด้านวิศวกรรมให้มีความรู้ความสามารถและฝึกฝนวิธีคิดในด้านการผลิตด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศญี่ปุ่น เพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของประเทศไทย โดยผ่านระบบและระเบียบการมอบทุนการศึกษาดังกล่าวนี้อีกต่อไป


(เสาหลักที่ 2) การให้ความช่วยเหลือโดยร่วมมือกับภาคอุตสาหกรรมของไทยและญี่ปุ่น:การให้ความช่วยเหลือในด้านการฝึกอบรมและการออกแบบการประเมินความชำนาญ)

(1)“การฝึกอบรมในมหาวิทยาลัยที่บริษัทให้การสนับสนุน(Company-led endowed courses)” และ “โครงการพัฒนาทรัพยากรบุคคลทางด้านอุตสาหกรรมจากการสนับสนุนของบริษัทญี่ปุ่นในอาเซียน”(หน่วยงานหลัก: AMEICC)

       ในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลที่มีทักษะขั้นสูงทางอุตสาหกรรมในประเทศไทยโดยความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในประเทศไทยนั้น ได้มีการจัดทำการฝึกอบรมที่บริษัทให้การสนับสนุนโดยมีเป้าหมายในการให้ความรู้และทักษะที่จำเป็นในการทำให้บัณฑิตได้งานทำในบริษัทญี่ปุ่น

       นอกเหนือจากนี้ เพื่อเป็นการขยายห่วงโซ่มูลค่าโลกของบริษัทญี่ปุ่น จึงได้มีการจัดโครงการฝึกอบรมและการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญโดยใช้ประโยชน์ทางเทคโนโลยีและความรู้ความชํานาญของบริษัทญี่ปุ่นในอาเซียน ทั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและปรับปรุงพัฒนาการควบคุมคุณภาพของบริษัทในประเทศไทย

(2) การสนับสนุนระบบการสอบวิทยฐานะ (หน่วยงานหลัก: ไจก้า)

      ให้การสนับสนุนการออกแบบระบบการประเมินความชำนาญของโรงงานอุตสาหกรรมไทย รวมทั้งบริษัทญี่ปุ่นในไทยซึ่งสามารถนำไปใช้ได้ อาทิเช่น สาขาการควบคุมลำดับขั้นตอน (sequence control) โดยรัฐบาลญี่ปุ่นจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาที่สถาบันพัฒนาบุคลากรในอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ (AHRDA) มาร่วมออกแบบระบบต่างๆ

(3)การผลักดันโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีในภูมิภาคอาเซียน(ITPEC) ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง (หน่วยงานหลัก: IPA)

      IPA (Information-Technology Promotion Agency) คือองค์การมหาชนของประเทศญี่ปุ่นที่ให้การสนับสนุนเรื่องของไอที มีหน่วยงานดำเนินการเกี่ยวกับโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีที่ได้รับการยอมรับในระดับภูมิภาคอาเซียนซึ่งมีชื่อเรียกว่า ITPEC(Information Technology Professional Examination Council) โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่าง IPA, สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการโครงการสอบมาตรฐานวิชาชีพไอทีในประเทศไทย, บริษัทญี่ปุ่นและมหาวิทยาลัยในประเทศไทย โดยมีจุดประสงค์ในการเผยแพร่เรื่องการทดสอบต่างๆเพื่อให้เป็นที่รู้จักและเพื่อส่งเสริมศักยภาพและยกระดับบุคลากรทางด้านไอทีในประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


(เสาหลักที่ 3)การให้ความช่วยเหลือโดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาและนักวิจัย : การพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัย ความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและสถาบันการศึกษา การส่งเสริมผลักดันให้เยาวชนไทยหันมาสนใจงานด้านวิศวกรรม

(1) สนับสนุนการศึกษาด้านอุตสาหกรรมและวิชาชีพเฉพาะทางภายใต้โครงการระหว่างอาเซียน (ASEAN)

(2) การเผยแพร่จุดเด่นของงานด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์แก่กลุ่มเยาวชนไทย

(3) ข้อเสนอต่อรัฐบาลไทยในด้านการผ่อนปรนระเบียบต่างๆในการพัฒนาทรัพยากรบุคคลย