หน้าแรก | สำรวจญี่ปุ่น | คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น

คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น (รัฐบาลนายโมริ 2)


นายโยชิโร โมริ นายกรัฐมนตรี ได้ปรับคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2543 ดังรายชื่อต่อไปนี้ (ชื่อ อายุ ตำแหน่งทางรัฐสภา และตำแหน่งหน้าที่สำคัญๆ)
  1. นายกรัฐมนตรี

  2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

  3. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

  4. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

  5. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีทบวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

  6. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ

  7. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ป่าไม้ และประมง

  8. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ และอุตสาหกรรม

  9. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และรัฐมนตรีทบวงการพัฒนาฮอกไกโด

  10. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการไปรษณีย์และโทรคมนาคม

  11. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน

  12. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการ

  13. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

  14. เลขาธิการคณะรัฐมนตรี (รัฐมนตรี) และรัฐมนตรีทบวงการพัฒนาโอกินาวา

  15. รัฐมนตรีกำกับดูแลกิจการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการเงิน

  16. รัฐมนตรีทบวงการจัดการและประสานงาน

  17. รัฐมนตรีทบวงการป้องกันประเทศ

  18. รัฐมนตรีทบวงวางแผนเศรษฐกิจ

  19. รัฐมนตรีทบวงสิ่งแวดล้อม
** รัฐมนตรีหญิง

ชีวิตที่เต็มไปด้วยการเผชิญหน้ากับบุคคลสำคัญ
ประวัติโดยย่อของนายกรัฐมนตรีโยชิโร โมริ

นายกรัฐมนตรี โยชิโร โมริ เกิดที่เมือง เนะอาการิ จังหวัดอิชิกาว่า เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2480 ขณะเมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงนั้น บิดาของเขา นายชิเกคิ โมริ อาศัยอยู่บนเกาะ Truk (ปัจจุบัน เรียกว่า Chuuk) ในมหาสมุทรแปซิฟิก และได้เดินทางกลับประเทศญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม พ.ศ.2489 คาโอรุ โมริ มารดาได้เสียชีวิต จากการเจ็บป่วยประมาณ 1 ปีก่อนหน้า ขณะที่เมื่อโมริ มีอายุได้ 7 ขวบ อาคิโกะ น้องสาวของคาโอรุ จึงเป็นผู้เลี้ยงดูโมริแทน ทั้งปู่และบิดาของโมริ ได้ดำรงตำแหน่ง นายกเทศมนตรีของ เมืองเนะอาการิ เป็นเวลายาวนาน ตลอดเวลาเกือบ 40 ปี บิดาของเขา ได้ใช้ความพยายาม สร้างสัมพันธภาพ ระหว่างเมืองเนะอาการิ กับเมือง Shelekhov ในรัสเซีย และระหว่าง เมืองคานาซาว่ากับ เมือง Irkutsk หลังจากการเสียชีวิต ใน พ.ศ.2532 อัฐิส่วนหนึ่ง จึงได้ฝังไว้ที่สุสาน ซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวเมือง Shelekhov ตามความประสงค์ของเขา

ในวัยเรียน นายกรัฐมนตรี โมริ โชคดีที่ได้มีโอกาส พบกับอาจารย์ที่ดีหลายท่าน ผู้ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่ง ต่อการหล่อหลอมบุคลิกภาพ ไม่เพียงแต่ได้ เรียนรู้แค่วิชาการเท่านั้น แต่ได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย ซึ่งมีความสำคัญอย่างแท้จริง ต่อพัฒนาการของบุคคล เช่น ความมีอัธยาศัยไมตรี ความเป็นตัวของตัวเอง และความสำนึก ในความรับผิดชอบ โมริในวัยเด็ก ก็เป็นนักเบสบอล ที่ทุ่มเท แต่เมื่อมีอายุได้ 11 ขวบ จึงได้เรียนรู้เกี่ยวกับ การแข่งขันรักบี้จากบิดา ซึ่งเป็นสมาชิก สโมสรรักบี้ของ มหาวิทยาลัยวาเซดะ สิ่งที่ดึงดูดใจของ กีฬารักบี้ คือจิตใจแห่งการต่อสู้ และเสียสละเพื่อทีม หลังจากที่เข้าศึกษาใน โรงเรียนมัธยม ก็ได้อุทิศตนเพื่อรักบี้ ซึ่งเป็นกีฬาโปรดสุดชีวิต

เมื่อได้เข้าศึกษาใน มหาวิทยาลัยวาเซดะ โมริ ได้เข้าร่วม ชมรมรักบี้ของ มหาวิทยาลัย แต่ต่อมาได้เข้าร่วม ชมรมสุนทรพจน์ของ มหาวิทยาลัย ซึ่งยังคงเป็นที่ฝึกฝน สำหรับผู้นำทางการเมือง หลายท่านของ ระเทศญี่ปุ่น ที่นี่เองที่ เขาได้พบกับผู้คนมากมาย ที่ใฝ่ฝันจะเป็นนักการเมือง ซึ่งรวมถึง นายโนโบรุ ทาเคชิตะ และ นายเคอิโซ โอบูชิ ผู้ซึ่งได้กลายเป็น นายกรัฐมนตรี ในเวลาต่อมา เมื่อได้ลิ้มรสโลกทางการเมือง จากการเข้าร่วม ชมรมสุนทรพจน์ ความฝันอยากเป็น นักการเมืองก็ค่อย ๆ เกิดขึ้นในตัวเขา

หลังจบการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ โมริ ได้เข้าทำงานกับ ซังเค ชิมบุน ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายใหญ่ของ ประเทศญี่ปุ่น โดยได้ทำงานเกี่ยวกับหนังสือ เจแปน อินดัสเทรียล เจอร์นัล จากอาชีพเกี่ยวกับหนังสือพิมพ์ ทำให้ได้พบกับ นักธุรกิจชั้นนำต่าง ๆ ของประเทศญี่ปุ่นในเวลานั้น เช่น นายโซอิจิโร่ ฮอนด้า ผู้ก่อตั้ง บริษัทฮอนด้า มอเตอร์ และได้เรียนรู้มากมายจากบุคคล เหล่านี้ อันเป็นประสบการณ์ล้ำค่า เมื่อความรู้สึก ใฝ่ใจในการเมือง กำลังระอุ จึงได้ลาออกจาก หนังสือพิมพ์ ซังเค ชิมบุน ในฤดูร้อน ปี พ.ศ.2505 และได้เป็นเลขานุการ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจาก จังหวัดเอฮิเมะ ซึ่งเป็นก้าวแรกสู่ อาชีพทางการเมือง

ในการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนธันวาคม พ.ศ.2512 โมริ ลงสมัครในฐานะ ผู้สมัครอิสระจาก จังหวัดอิชิกาว่า และชนะการเลือกตั้งเป็นที่หนึ่ง ของจังหวัด ในขณะมีอายุน้อยเพียง 32 ปี จากนั้นก็ได้รับการ เลือกติดต่อกัน 10 ครั้ง หลังจากการเลือกตั้งครั้งแรก โมริ ได้เข้าร่วมพรรค LDP และเข้าอยู่ภายใต้การ แนะนำของอดีตนายกรัฐมนตรี ทาเคโอะ ฟุกุดะ ผู้คอยสอนถึงความเรียบง่าย และความอ่อนน้อม อีกทั้งได้รับอิทธิพลอย่างมาก ในด้านนโยบายภายใน และต่างประเทศจาก นายชินทาโร่ อาเบะ อดีต รัฐมนตรีว่า การกระทรวงการต่างประเทศ ผู้เป็นเสมือนพี่ชายของเขา ในโลกทางการเมือง เมื่อเป็นสมาชิก สภานิติบัญญัติ ทำให้เข้ามี ส่วนเกี่ยวพันกับนโยบาย การศึกษา ซึ่งเขาถือเป็นแกน หลักของอาชีพ ด้วยความเชื่อที่ว่าการศึกษาจะ ช่วยส่งเสริมประชาชน และเป็นกุญแจนำสังคม รัฐและโลกสู่อนาคตที่ดี ในปี พ.ศ.2526 เขาเข้ารับตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มุ่งหน้าดำเนินโครงการการปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติ

นอกจากนั้น ยังเคยดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศ และอุตสาหกรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการ ตลอดจนได้รับการแต่งตั้ง ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในพรรค LDP กล่าวคือ เป็นเลขาธิการพรรค ซึ่งรับผิดชอบในการ บริหารพรรค 2 ครั้ง และเป็นประธาน คณะกรรมาธิการทั่วไป (ซึ่งทำหน้าที่ ตัดสินใจของพรรค) และประธาน คณะกรรมาธิการวิจัยนโยบาย (ซึ่งกำหนดนโยบายของพรรค)

โมริ สมรสกับนางชิเอโกะ มากิ เพื่อนนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยวาเซดะ ในปี พ.ศ.2504 ทั้งสองมี บุตรชาย 1 คน ชื่อ ยูกิ และบุตรสาว 1 คน ชื่อโยโกะ พร้อมทั้งหลานรักชื่อ เรโกะ และมีความสุขกับการเล่นกีฬา เช่น รักบี้ และกอล์ฟ นายกรัฐมนตรี โยชิโร โมริ ไม่สูบบุหรี่เพราะยึดถือในคำสอนของปู่ และการเล่นกีฬารักบี้

โยชิโร โมริ ได้รับการเลือกตั้งจาก สภานิติบัญญัติ เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 85 ของประเทศญี่ปุ่น โดยเป็นคนที่ 26 ที่ดำรงตำแหน่ง นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2543 จากนั้นเขาได้ตั้ง รัฐบาลผสมสามพรรค ประกอบด้วย พรรค LDP พรรคนิวโคเมอิโตะ (New Komeito) เครือข่ายนักปฏิรูป และพรรคอนุรักษ์นิยมใหม่

นายกรัฐมนตรี โยชิโร โมริ ตระหนักดีว่า ระบบที่เคยส่งเสริมให้ ประเทศญี่ปุ่น เจริญเติบโตได้อย่างน่าอัศจรรย์ หลังสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ไม่เหมาะสมกับ สภาวะปัจจุบันอีกต่อไป เพื่อที่จะสร้าง ประเทศญี่ปุ่นแนวใหม่ เขาได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่ จะดำเนินการปฏิรูปต่าง ๆ เพื่อ “การเกิดใหม่ของประเทศญี่ปุ่น” โดยเรียก คณะรัฐบาลว่า “คณะรัฐมนตรีเพื่อการ เกิดใหม่ของประเทศญี่ปุ่น” ที่มุ่งมั่นพยายามให้ป ระเทศญี่ปุ่นเป็น “ประเทศที่ประชาชนอยู่อย่าง มีสวัสดิภาพ โอบอุ้มความฝันสู่อนาคต” “ประเทศที่สวยงามอุดมด้วยน้ำใจ” และ “ประเทศที่ก่อให้เกิด ความเชื่อถือไว้วางใจในโลก” นโยบายสำคัญลำดับต้น ๆ ประการหนึ่งได้แก่ นโยบาย พร้อมความตั้งใจที่จะ ดำเนินการปฏิรูป เพื่อสนับสนุนหนุ่มสาวที่มี ความคิดสร้างสรรค์ และสามารถมีส่วนช่วยเหลือ -ตามกำลังความสามารถของตน- ไม่เฉพาะต่อสังคมญี่ปุ่น เท่านั้น แต่รวมถึง ประชาคมนานาชาติ ในศตวรรษที่ 21 นี้อีกด้วย

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ.2543 นายกรัฐมนตรี โยชิโร โมริ ได้ตั้ง คณะรัฐมนตรี ชุดที่สอง งานที่รออยู่ทันทีได้แก่ การประชุมสุดยอดจี 8 คิวชิว-โอกินาวา ซึ่งเขาพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อให้การ ประชุมสุดยอด G8 คิวชิว-โอกินาวา บรรลุผลสำเร็จ ทั้งยังได้สร้างรากฐาน สำหรับนโยบายในการจัดทำ “แผนการเกิดใหม่ของประเทศญี่ปุ่น” - แผนงานเพื่อการปฏิรูป เพื่อมุ่งที่จะนำประเทศญี่ปุ่น สู่ยุคต่อไป คณะรัฐมนตรี พร้อมจะอุทิศพลังสุดความสามารถ เพื่อทำให้จุดมุ่งหมายเหล่านี้ เป็นจริง สาระสำคัญของ นโยบายของ นายกรัฐมนตรี โมริ คือการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งในขณะนี้มีสั ญญาณที่สดใส การเพิ่มมาตรการใหม่ ๆ เกี่ยวกับการปฏิรูปว่า ด้วยเทคโนโลยีข่าวสาร รวมทั้งการปฏิรูป โครงสร้างทางเศรษฐกิจอื่น ที่มุ่งหน้าสู่อนาคต การดำเนินนโยบาย เพื่อฟื้นฟูเขตเมือง จากระดับพื้นฐาน เตรียมการเพื่อสังคมผู้สูงอายุ ที่เพิ่มอย่างรวดเร็ว สร้างระบบ การศึกษาใหม่ และปฏิรูประบบกฎหมาย

ประวัติส่วนตัวโดยสังเขปของนายกรัฐมนตรีโมริ

14 กรกฎาคม 2480 เกิดที่จังหวัดอิชิกาว่า
มีนาคม 2503สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ
เมษายน 2503เข้าทำงานกับซังเค ชิมบุน
ธันวาคม 2512ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร
(ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเป็นครั้งที่ 11)
พฤศจิกายน 2520รองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี
ธันวาคม 2526รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
มกราคม 2534ประธาน, คณะกรรมการข้อบังคับและบริหาร, สภาผู้แทนราษฎร
ตุลาคม 2534ประธาน, คณะกรรมาธิการวิจัยนโยบาย LDP
ธันวาคม 2535รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม
สิงหาคม 2536เลขาธิการพรรค LDP
สิงหาคม 2538รัฐมนตรีว่าการกระทรวงโยธาธิการ
พฤศจิกายน 2539ประธาน, คณะกรรมาธิการทั่วไปของพรรค LDP
กรกฎาคม 2541เลขาธิการพรรค LDP
เมษายน 2543นายกรัฐมนตรี
กรกฎาคม 2543ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่สอง