รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความร่วมมือสนับสนุนโครงการ “The Project for Taking Measures of Mine/ERW Contamination along Thai-Laos and Thai-Cambodia Border”
2019/3/11

รัฐบาลญี่ปุ่นสนับสนุนเงินทุนจำนวนทั้งสิ้น 4,610,900 บาทแก่โครงการ “The Project for Taking Measures of Mine/ERW Contamination along Thai-Laos and Thai-Cambodia Border” ผ่านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (จีจีพี)
โดยมีพิธีลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562 ระหว่าง ฯพณฯ นายชิโร ซะโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Mr. Aksel Steel-Nilsen ผู้อำนวยการองค์กรช่วยเหลือแห่งประชาชนชาวนอร์เวย์ (Norwegian People’s Aid) ณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวัตถุระเบิดตกค้าง เช่น ระเบิดที่ยังไม่ระเบิด, ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่แนวชายแดนไทย-พม่า, มาเลเซีย, ลาว, กัมพูชา วัตถุระเบิดเหล่านี้ยังอยู่ในสถานะที่ไม่ปรากฏตำแหน่งที่ชัดเจน จากผลการสำรวจผลกระทบของทุ่นระเบิดในปี พ.ศ. 2544 พบว่าจาก 76 จังหวัดในประเทศไทย มี 27 จังหวัด 530 ชุมชน ประชาชนมากกว่า 5 แสนคน และพื้นที่ 2,557 ตารางกิโลเมตรยังมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ รัฐบาลไทยและองค์กร NGO ได้ดำเนินกิจกรรมสำรวจและเก็บกู้ระเบิดในหลายพื้นที่ และในหลายพื้นที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ทว่าชายแดนไทย-กัมพูชา และชายแดนไทย-ลาว ยังหลงเหลือพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดอยู่ ชาวบ้านในพื้นที่ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยตามธรรมชาติ, เก็บของป่าหรือทำเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่แม้จะมีความเสี่ยงจากทุ่นระเบิด ชาวบ้านจำนวนมากสูญเสียขาไปจนถึงสูญเสียชีวิตขณะเข้าไปหาของป่า และสัตว์ที่เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ชาวบ้านไม่สามารถเลิกทำวิถีดำรงชีพเหล่านี้ได้ ชาวบ้านจำต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยง และดำรงชีพ เช่น เก็บของป่าในบริเวณที่คาดเดาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเองว่าไม่มีทุ่นระเบิดปนเปื้อน
โครงการนี้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งมีพื้นที่ติดกับลาวและกัมพูชา โดยมีพื้นที่รวมกัน 35 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 57,308 คน อาศัยอยู่ องค์กรจะทำการกระชับพื้นที่เสี่ยงด้วยการสำรวจหรือสอบถามชาวบ้านเป็นอย่างแรก(Non-Technical Survey) หลังจากนั้นจะสำรวจทางเทคนิค(รวมจนถึงการพบระเบิด) โดยใช้เครื่องมือสำหรับค้นหาระเบิด (Technical Survey) และจะส่งต่องานให้กับศูนย์ปฏิบัติการกู้ระเบิดแห่งชาติ (TMAC: Thailand Mine Action Center) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเก็บกู้(รวบรวมและทำลาย)ระเบิดในขั้นตอนสุดท้าย
การสร้างสภาพแวดล้อมให้ชาวบ้านในพื้นที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุข ด้วยการขจัดความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดออกจากพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มรายได้แก่ชาวบ้านหรือการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม อีกทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนที่จะเชื่อมโยงกับการพัฒนาพื้นที่ จึงให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นยินดีให้การสนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมและพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์โดยผ่านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (จีจีพี) ต่อไป
แผนกเศรษฐกิจ สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
เลขที่ 177 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทรศัพท์ 0-2696-3000, 0-2207-8500
โทรสาร 0-2207-8517
โดยมีพิธีลงนามข้อตกลงเมื่อวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2562 ระหว่าง ฯพณฯ นายชิโร ซะโดชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย และ Mr. Aksel Steel-Nilsen ผู้อำนวยการองค์กรช่วยเหลือแห่งประชาชนชาวนอร์เวย์ (Norwegian People’s Aid) ณ สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากวัตถุระเบิดตกค้าง เช่น ระเบิดที่ยังไม่ระเบิด, ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ที่แนวชายแดนไทย-พม่า, มาเลเซีย, ลาว, กัมพูชา วัตถุระเบิดเหล่านี้ยังอยู่ในสถานะที่ไม่ปรากฏตำแหน่งที่ชัดเจน จากผลการสำรวจผลกระทบของทุ่นระเบิดในปี พ.ศ. 2544 พบว่าจาก 76 จังหวัดในประเทศไทย มี 27 จังหวัด 530 ชุมชน ประชาชนมากกว่า 5 แสนคน และพื้นที่ 2,557 ตารางกิโลเมตรยังมีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่
ภายใต้สถานการณ์เหล่านี้ รัฐบาลไทยและองค์กร NGO ได้ดำเนินกิจกรรมสำรวจและเก็บกู้ระเบิดในหลายพื้นที่ และในหลายพื้นที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว ทว่าชายแดนไทย-กัมพูชา และชายแดนไทย-ลาว ยังหลงเหลือพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดอยู่ ชาวบ้านในพื้นที่ดำรงชีพด้วยการเลี้ยงสัตว์แบบปล่อยตามธรรมชาติ, เก็บของป่าหรือทำเกษตรกรรมเป็นส่วนใหญ่แม้จะมีความเสี่ยงจากทุ่นระเบิด ชาวบ้านจำนวนมากสูญเสียขาไปจนถึงสูญเสียชีวิตขณะเข้าไปหาของป่า และสัตว์ที่เลี้ยงแบบปล่อยตามธรรมชาติได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่ชาวบ้านไม่สามารถเลิกทำวิถีดำรงชีพเหล่านี้ได้ ชาวบ้านจำต้องใช้ชีวิตอยู่กับความเสี่ยง และดำรงชีพ เช่น เก็บของป่าในบริเวณที่คาดเดาจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเองว่าไม่มีทุ่นระเบิดปนเปื้อน
โครงการนี้กำหนดพื้นที่เป้าหมายในจังหวัดอุบลราชธานีซึ่งมีพื้นที่ติดกับลาวและกัมพูชา โดยมีพื้นที่รวมกัน 35 ตารางกิโลเมตร และมีประชากร 57,308 คน อาศัยอยู่ องค์กรจะทำการกระชับพื้นที่เสี่ยงด้วยการสำรวจหรือสอบถามชาวบ้านเป็นอย่างแรก(Non-Technical Survey) หลังจากนั้นจะสำรวจทางเทคนิค(รวมจนถึงการพบระเบิด) โดยใช้เครื่องมือสำหรับค้นหาระเบิด (Technical Survey) และจะส่งต่องานให้กับศูนย์ปฏิบัติการกู้ระเบิดแห่งชาติ (TMAC: Thailand Mine Action Center) ซึ่งเป็นผู้ดำเนินการเก็บกู้(รวบรวมและทำลาย)ระเบิดในขั้นตอนสุดท้าย
การสร้างสภาพแวดล้อมให้ชาวบ้านในพื้นที่อาศัยอยู่อย่างสงบสุข ด้วยการขจัดความเสี่ยงจากทุ่นระเบิดออกจากพื้นที่ดังกล่าว จะเป็นการเพิ่มรายได้แก่ชาวบ้านหรือการพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม อีกทั้งรัฐบาลญี่ปุ่นเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนที่จะเชื่อมโยงกับการพัฒนาพื้นที่ จึงให้การสนับสนุนโครงการดังกล่าว
รัฐบาลญี่ปุ่นยินดีให้การสนับสนุนโครงการที่ส่งเสริมและพัฒนาความมั่นคงของมนุษย์โดยผ่านความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์ (จีจีพี) ต่อไป
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
ความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแบบให้เปล่าเพื่อพื้นฐานและความมั่นคงของมนุษย์แผนกเศรษฐกิจ สถานทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย
เลขที่ 177 ถนนวิทยุ ลุมพินี ปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
โทรศัพท์ 0-2696-3000, 0-2207-8500
โทรสาร 0-2207-8517