พิธีส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (COVID-19) จากรัฐบาลญี่ปุ่นให้แก่รัฐบาลไทย
2021/7/12


ช่วงเช้าของวันที่ 12 กรกฎาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งนายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่นประจำราชอาณาจักรไทย ได้ร่วมพิธีส่งมอบวัคซีนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจากประเทศญี่ปุ่นจำนวนประมาณ 1,050,000 โดส แก่ประเทศไทย ณ ทำเนียบรัฐบาล
1. ในช่วงต้นของพิธี เอกอัครราชทูตนะชิดะ ได้นำความจากนายซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งมีเนื้อความดังต่อไปนี้
“ในโอกาสนี้ ประเทศญี่ปุ่นจะมอบวัคซีนให้แก่ประเทศไทย เราทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในยามวิกฤติอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่โทโฮกุในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงอุทกภัยครั้งรุนแรงที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 และได้สานความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้นมาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในยามวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นจะร่วมมือกันฝ่าฟันความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน”
จากนั้น เอกอัครราชทูตนะชิดะ ได้กล่าวแสดงความมุ่งหวัง ให้การส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวนประมาณ 1,050,000 โดส ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการวางแผนฉีดวัคซีนทั้งแก่ประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงชาวญี่ปุ่น ให้สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และนอกเหนือจากการส่งมอบวัคซีนแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังมอบความร่วมมือในการจัดเตรียมอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain System) ซึ่งจำเป็นต่อการขนส่งและเก็บรักษาวัคซีน รวมถึงให้ความร่วมมือในการยกระดับความสามารถการตรวจหา และเฝ้าระวังเชื้อไวรัส การจัดหาอุปกรณ์และอาคารสถานที่ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนายารักษาโรคอีกด้วย นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตนะชิดะ ยังหวังว่าทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นจะสามารถก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ไปได้ด้วยกัน และทั้งประชาชนชาวไทยและชาวญี่ปุ่นจะสามารถเดินทางไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้ด้วยรอยยิ้มในอนาคตอันใกล้นี้
2. ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีไทย (ผ่านระบบประชุมทางไกล) ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ได้กล่าวแสดงความขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทย สำหรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ และได้กล่าวว่า ประเทศไทยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งถึงความปรารถนาดีที่ประเทศญี่ปุ่นมอบให้มาโดยตลอด ไทยได้พยายามอย่างยิ่งในการดำเนินการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคซีน และมีภูมิคุ้มกันต่อโรค ความช่วยเหลือของประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ มีส่วนสำคัญยิ่งที่จะช่วยเสริมกับวัคซีนที่ไทยได้จัดหามาแล้ว เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต และสนับสนุนให้ไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของญี่ปุ่นในการเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านสาธารณสุข และการแพทย์ รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของไทย สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นต่างมีสายสัมพันธ์ระหว่างกันที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นมาเป็นเวลานาน และประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และวิกฤติครั้งนี้ไปพร้อมกับญี่ปุ่น
3. ในช่วงสุดท้ายของพิธี เอกอัครราชทูตนะชิดะได้ส่งมอบสารจากนายซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งป้ายแสดงถึงสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น
1. ในช่วงต้นของพิธี เอกอัครราชทูตนะชิดะ ได้นำความจากนายซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งมีเนื้อความดังต่อไปนี้
“ในโอกาสนี้ ประเทศญี่ปุ่นจะมอบวัคซีนให้แก่ประเทศไทย เราทั้งสองประเทศได้ร่วมมือกันในยามวิกฤติอย่างเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิที่โทโฮกุในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงอุทกภัยครั้งรุนแรงที่ประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 และได้สานความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ยิ่งขึ้นมาโดยตลอด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในยามวิกฤติโควิด-19 ครั้งนี้ ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นจะร่วมมือกันฝ่าฟันความยากลำบากนี้ไปด้วยกัน”
จากนั้น เอกอัครราชทูตนะชิดะ ได้กล่าวแสดงความมุ่งหวัง ให้การส่งมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวนประมาณ 1,050,000 โดส ในครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยเหลือรัฐบาลไทยในการวางแผนฉีดวัคซีนทั้งแก่ประชาชนชาวไทย และชาวต่างชาติ ซึ่งรวมถึงชาวญี่ปุ่น ให้สามารถดำเนินไปได้อย่างราบรื่น และนอกเหนือจากการส่งมอบวัคซีนแล้ว รัฐบาลญี่ปุ่นยังมอบความร่วมมือในการจัดเตรียมอุปกรณ์ในระบบลูกโซ่ความเย็น (Cold Chain System) ซึ่งจำเป็นต่อการขนส่งและเก็บรักษาวัคซีน รวมถึงให้ความร่วมมือในการยกระดับความสามารถการตรวจหา และเฝ้าระวังเชื้อไวรัส การจัดหาอุปกรณ์และอาคารสถานที่ซึ่งจำเป็นต่อการพัฒนายารักษาโรคอีกด้วย นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตนะชิดะ ยังหวังว่าทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นจะสามารถก้าวข้ามวิกฤติโควิด-19 ไปได้ด้วยกัน และทั้งประชาชนชาวไทยและชาวญี่ปุ่นจะสามารถเดินทางไปมาหาสู่ซึ่งกันและกันได้ด้วยรอยยิ้มในอนาคตอันใกล้นี้
2. ในการนี้ พล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรีไทย (ผ่านระบบประชุมทางไกล) ในนามของรัฐบาลและประชาชนไทย ได้กล่าวแสดงความขอบคุณในไมตรีจิตและความห่วงใยของรัฐบาลญี่ปุ่นที่มีต่อประเทศไทย สำหรับการสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ในครั้งนี้ และได้กล่าวว่า ประเทศไทยรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างยิ่งถึงความปรารถนาดีที่ประเทศญี่ปุ่นมอบให้มาโดยตลอด ไทยได้พยายามอย่างยิ่งในการดำเนินการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เพื่อให้ทุกคนในประเทศไทยได้รับวัคซีน และมีภูมิคุ้มกันต่อโรค ความช่วยเหลือของประเทศญี่ปุ่นในครั้งนี้ มีส่วนสำคัญยิ่งที่จะช่วยเสริมกับวัคซีนที่ไทยได้จัดหามาแล้ว เพิ่มการเข้าถึงวัคซีนให้ครอบคลุมประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ลดอัตราการเจ็บป่วยและเสียชีวิต และสนับสนุนให้ไทยสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างเข้มแข็ง สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของญี่ปุ่นในการเสริมสร้างขีดความสามารถในด้านสาธารณสุข และการแพทย์ รวมทั้งการฟื้นฟูเศรษฐกิจและการพัฒนาสังคมของไทย สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวว่า ประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นต่างมีสายสัมพันธ์ระหว่างกันที่ใกล้ชิดแน่นแฟ้นมาเป็นเวลานาน และประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวผ่านอุปสรรคต่าง ๆ และวิกฤติครั้งนี้ไปพร้อมกับญี่ปุ่น
3. ในช่วงสุดท้ายของพิธี เอกอัครราชทูตนะชิดะได้ส่งมอบสารจากนายซูกะ โยชิฮิเดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ให้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมทั้งป้ายแสดงถึงสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น