สารจากเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น

2022/2/23

            ข้าพเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น ทรงเจริญพระชนมพรรษา 62 พรรษา ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

            จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ทำให้ไม่สามารถจัดงานเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาในปีนี้ได้เฉกเช่นเดียวกับเมื่อปีที่ผ่านมา ข้าพเจ้าจึงขอพระราชทานพระบรมราชวโรกาส ถวายพระพรชัยมงคลผ่านสารฉบับนี้ 

            สมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่นทรงมีพระราชดำรัสในวีดิทัศน์ที่ทรงพระราชทานเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ถึงความรู้สึกเสียพระราชหฤทัยที่ประชาชนมากมายได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ทั้งในและต่างประเทศ โดยทรงพระราชทานพรในวาระดิถีขึ้นปีใหม่ ส่งความปรารถนาดี และอำนวยพรให้แก่ประชาชนให้ปีใหม่นี้เป็นปีที่ดีที่ทุกท่านจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้โดยมีทั้งความหวังและความฝันอันสดใส พร้อมทั้งขอให้ประชาชนทั้งในประเทศญี่ปุ่น และนานาประเทศต่างประสบแต่ความสุขและสันติภาพ

            ในปีนี้ ยังเป็นปีที่ครบรอบ 135 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่าง ไทย-ญี่ปุ่นอีกด้วย โดยทั้งประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นต่างกระชับสายสัมพันธ์ต่อกันอย่างแน่นแฟ้น นับตั้งแต่พระราชไมตรีระหว่างพระราชวงศ์ไทยกับพระราชวงศ์ญี่ปุ่น ในด้านการค้าขายลงทุนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมอย่างกว้างขวางระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ในช่วงโอกาสที่สำคัญนี้ ทั้งประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทยจะสามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์จากโรคโควิด19 ไปได้ด้วยกันโดยเร็ว และจะสามารถเปิดทางไปสู่ความสัมพันธ์รูปแบบใหม่ในอนาคตได้ 

            ในปัจจุบัน มีชาวญี่ปุ่นพำนักอยู่ในประเทศไทยจำนวนราว 1 แสนคน และมีบริษัทญี่ปุ่นอยู่เกือบ 6,000 บริษัท ซึ่งต่างมีบทบาทสำคัญในการช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยผ่านการส่งเสริมการส่งออกสินค้า เพิ่มการจ้างงาน และการฝึกฝนบุคลากร นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนอย่างกว้างขวาง อีกทั้ง นับตั้งแต่วันปีใหม่ที่ผ่านมา ยังคงดำเนินการฉีดวัคซีนเพิ่มเติมขึ้นอีกด้วยความมุ่งมั่น ข้าพเจ้าจึงขอขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ได้ช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ชาวญี่ปุ่นที่ดำเนินชีวิตอยู่ในประเทศไทยรู้สึกปลอดภัย นอกจากนี้ยังช่วยให้การดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจเดินหน้าไปได้อย่างราบรื่น 

            ตลอดช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่การเดินทางไปมาหาสู่กันของผู้คนระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นนั้นถูกจำกัดด้วยผลกระทบจากโรคโควิด19 ข้าพเจ้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จากนี้ไปด้วยความพยายามของทั้งสองประเทศ การเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างกันจะกลับมาราบรื่นได้เหมือนเดิมอีกครั้งในเร็ววัน 

            ในปีนี้จะมีการจัดงานประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ขึ้นที่ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่นมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนความรู้ความชำนาญและเทคนิคเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ - หมุนเวียน - สีเขียว หรือ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งถือเป็นหัวข้อหลักสำหรับการประชุม เอเปค ในครั้งนี้ นอกจากนี้  ประเทศญี่ปุ่นยังมีความคิดที่จะส่งเสริมความร่วมมือเพื่อสร้างความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง รวมไปถึงความร่วมมือในยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิกที่เสรีและเปิดกว้างอีกด้วย 

            สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคลสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น ขอทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ทรงพระเกษมสำราญ และขออำนวยพรให้ในปีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น จะยิ่งวัฒนาสถาพรสืบไป  
 

นะชิดะ คะสุยะ 
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย