สารจากนายนะชิดะ คะสุยะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งประเทศญี่ปุ่น วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567

2024/2/23
2025 ©Imperial Household Agency of Japan

 

     ข้าพเจ้าขอถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตแห่งประเทศญี่ปุ่น ทรงเจริญพระชนมพรรษา 64 พรรษา ขอพระองค์ทรงพระเจริญ และเป็นโอกาสอันดีที่จะระลึกถึงพระราชไมตรีอันแน่นแฟ้นสืบเนื่องมาอย่างยาวนานระหว่างพระราชวงศ์ญี่ปุ่นกับพระราชวงศ์ไทย

     ญี่ปุ่นและไทยมีประวัติศาสตร์ของการติดต่อแลกเปลี่ยนกันมาอย่างยาวนาน และเจริญสัมพันธไมตรีอย่างแน่นแฟ้นมาโดยตลอด ผนึกกำลังกันก้าวข้ามอุปสรรคร่วมกันมาหลายต่อหลายครั้ง ทั้งภัยพิบัติทางธรรมชาติและโรคโควิด 19 จนถึงในตอนที่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในคาบสมุทรโนโตะ เมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ชาวไทยต่างร่วมส่งข้อความแสดงความห่วงใยต่อเหตุการณ์นี้รวมถึงได้บริจาคเงินช่วยเหลือเข้ามา ข้าพเจ้าขอแสดงความขอบคุณจากใจไว้ ณ ที่นี้

     ปี พ.ศ. 2567 ถือเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองเนื่องในวาระครบรอบ 70 ปี ความร่วมมือเพื่อการพัฒนา (ODA) จากรัฐบาลญี่ปุ่นสู่ประเทศไทย รวมถึงครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) สาขากรุงเทพฯ และหอการค้าญี่ปุ่น (JCC) กรุงเทพฯ อีกทั้งยังครบรอบ 50 ปี การก่อตั้งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สาขาประเทศไทย และเจแปนฟาวน์เดชั่น (JF) สาขากรุงเทพฯด้วย เป็นเวลามากกว่าครึ่งศตวรรษที่ไทยและญี่ปุ่นได้สั่งสมความร่วมมือกันมาในหลากหลายมิติทั้งในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม ตั้งแต่ระดับรากหญ้าไปจนถึงระดับผู้นำ จากนี้ไปญี่ปุ่นจะยังคงรวมกำลังกันกับทุกภาคส่วนเพื่อยกระดับความสัมพันธ์ฉันมิตรที่มีมาระหว่างสองประเทศให้ก้าวไปสู่ระดับที่สูงยิ่งขึ้นต่อไป

     ปีที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวชาวไทยที่เดินทางมาประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้นจนมีจำนวนถึง 1 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับ 6 ในโลก และมากเป็นอันดับ 1 ในบรรดากลุ่มประเทศอาเซียน ปีนี้หวังว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพิ่มมากยิ่งขึ้น และมีความสนใจเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นในหลายด้านอย่างลึกซึ้งมากขึ้น ส่วนในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นที่เดินทางมาประเทศไทยนั้นยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ แต่จากการประกาศยกเว้นวีซ่านักธุรกิจญี่ปุ่น คาดหวังว่าจะมีการติดต่อค้าขายและการลงทุนระหว่างสองประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น

     แม้ภารกิจในฐานะเอกอัครราชทูตของข้าพเจ้าในช่วงระยะเวลากว่า 4 ปีนี้กำลังจะสิ้นสุดลง แต่ข้าพเจ้าจะยังคงมุ่งมั่นทุ่มเทให้กับการสร้างความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทยให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นต่อไป ความสัมพันธ์ญี่ปุ่น-ไทยต่อจากนี้ไป จะดำเนินไปในรูปแบบของความสัมพันธ์ "ร่วมกันสร้างสรรค์" คือการคิดและสร้างสรรค์สิ่งใหม่ร่วมกัน และเพื่อส่งต่อสายสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนที่เท่าเทียมกันไปยังคนรุ่นต่อไป ข้าพเจ้าปรารถนาที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการติดต่อแลกเปลี่ยนระหว่างกันมากยิ่งขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ พัฒนาการและความเป็นไปได้ของความร่วมมือญี่ปุ่น-ไทยนั้นไม่มีจุดสิ้นสุด ข้าพเจ้าหวังด้วยใจจริงว่าทั้งสองประเทศจะจับมือกันและก้าวหน้าพัฒนาร่วมกันต่อไป
 
นะชิดะ คะสุยะ
เอกอัครราชทูตวิสามัญผู้มีอำนาจเต็มแห่งญี่ปุ่น ประจำราชอาณาจักรไทย