การห้ามไม่ให้เดินทางข้ามไปยังเกาะอุทซึเรียว
2017/9/12
กรณี “ทะเคะชิมะอิคเคน (Takeshima Ikken)”
1. ตระกูลโอยะและตระกูลมุระคะวะจากเมืองโยะนะโกะ ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลโชกุนให้สามารถเดินทางข้ามไปยังเกาะอุทซึเรียว และดำเนินธุรกิจผูกขาดการค้าโดยปราศจากการแทรกแซงเป็นระยะเวลาประมาณ 70 ปี2. ในปี ค.ศ. 1692 ขณะที่ครอบครัวมุระคะวะเดินทางผ่านไปยังเกาะอุทซึเรียว ได้พบกับชาวเกาหลีหลายคนกำลังจับปลาอยู่ที่เกาะอุทซึเรียว นอกจากนี้ในปีต่อมาครอบครัวโอยะก็พบชาวเกาหลีหลายคนที่เกาะแห่งนี้เช่นเดียวกัน ครอบครัวโอยะได้พาชาวเกาหลี 2 คน คือ นายอันยง-บก และ นาย Pak Eo-Doon กลับไปยังประเทศญี่ปุ่น อนึ่ง ในช่วงเวลานั้น อาณาจักรเกาหลี ได้มีกฎห้ามชาวเกาหลีเดินทางข้ามมายังเกาะอุทซึเรียว
3. เมื่อรัฐบาลโชกุนได้ทราบและตระหนักถึงสถานการณ์ จึงมีคำสั่งให้ส่งตัวนายอันยง-บก และนาย Pak Eo-Doon กลับอาณาจักรเกาหลีโดยผ่านเขตการปกครองทซึชิมะ (ช่องทางในการติดต่อทางการทูต การค้าขายกับอาณาจักรเกาหลี ในยุคสมัยเอโดะ) และเริ่มเจรจากับอาณาจักรเกาหลีในการห้ามไม่ให้ชาวเกาหลีเดินทางมายังเกาะอุทซึเรียว แต่ทว่า ในการเจรจาได้เกิดความคิดเห็นที่ขัดแย้งกันในเรื่องอำนาจเหนือเกาะอุทซึเรียว และทำให้การดำเนินไปสู่ข้อตกลงล้มเหลว
4. หลังจากได้รับรายงานเรื่องความล้มเหลวในการเจราจากเขตการปกครองทซึชิมะ รัฐบาลโชกุน ได้พิจารณาว่าเกาะแห่งนี้ไม่มีชาวญี่ปุ่นพำนักอาศัยอยู่ และด้วยระยะการเดินทางจากคาบสมุทรเกาหลีใกล้กว่าระยะการเดินทางจากจังหวัดโฮกิ นอกจากนี้ยังไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำลายความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านอันเนื่องมาจากเกาะเล็กๆที่ไม่มีประโยชน์ เกาะอุทซึเรียวไม่ได้ถูกรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนของประเทศญี่ปุ่นจึงควรที่จะห้ามเดินทางข้ามไป อีกทั้งเพื่อดำรงไว้ซึ่งสายสัมพันธ์อันดีกับประเทศเกาหลี ดังนั้น ในเดือนมกราคม ค.ศ. 1696 รัฐบาลโชกุน ได้มีคำสั่งไปยังเขตการปกครองโทตโตริห้ามชาวญี่ปุ่นเดินทางข้ามไปยังเกาะอุทซึเรียว และในขณะเดียวกันก็ได้มีคำสั่งไปยังเขตการปกครองทซึชิมะ ให้รายงานกรณีนี้ไปยังอาณาจักรเกาหลีด้วย
ความเป็นมาในเรื่องการเจรจาในอำนาจการปกครองเหนือเกาะอุทซึเรียว เป็นที่รู้จักกันโดยทั่วไปในชื่อ “ทะเคะชิมะอิคเคน”
5. ในอีกด้านหนึ่ง ในความเป็นจริงไม่มีข้อห้ามในการเดินทางข้ามไปยังเกาะทะเคะชิมะ และเป็นที่ชัดเจนว่าเกาะทะเคะชิมะเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนภายใต้การปกครองของประเทศญี่ปุ่นนับตั้งแต่ในช่วงเวลานั้น
บันทึกคำให้การของนาย อันยง-บก และจุดที่ยังเป็นข้อสงสัย
1. ภายหลังจากรัฐบาลโชกุนได้กำหนดห้ามไม่ให้เดินทางข้ามไปยังเกาะอุทซึเรียว นายอันยง-บกได้เดินทางกลับมายังประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง หลังจากที่นายอันยง-บกได้ถูกเนรเทศและขับไล่กลับไปยังอาณาจักรเกาหลี ได้ถูกสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ของอาณาจักรเกาหลี ในฐานะผู้กระทำผิดละเมิดข้อห้ามเดินทางข้ามไปยังเกาะอุทซึเรียว คำให้การของ นายอันยง-บกในเวลานั้นได้ถูกนำมาใช้เป็นหนึ่งในหลักฐานอ้างอิงของสาธารณรัฐเกาหลีในการเรียกร้องอำนาจในการปกครองเหนือเกาะทะเคะชิมะในปัจจุบัน
2. จากเนื้อหาในเอกสารของสาธารณรัฐเกาหลีได้ระบุว่า นายอันยง-บกได้ให้การว่า ในปี ค.ศ. 1693 เมื่อครั้งที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นได้รับหนังสือจากรัฐบาลโชกุนในเอโดะ ยอมรับว่าเกาะอุทซึเรียวและเกาะทะเคะชิมะ อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของอาณาจักรเกาหลี แต่ทว่าได้ถูกขุนนางผู้ปกครองเขตการปกครองทซึชิมะ ยึดหนังสือฉบับนั้นไป แต่ทว่าในความเป็นจริง ในปี ค.ศ. 1693 นายอันยง-บกได้ถูกพาตัวกลับมายังประเทศญี่ปุ่นและในเวลาต่อมาได้ถูกส่งตัวกลับ จึงทำให้เกิดการเริ่มเจรจาในเรื่องการจับปลาบริเวณเกาะอุทซึเรียวระหว่างประเทศญี่ปุ่นกับเกาหลี ดังนั้น เมื่อเขาเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นใน ปี ค.ศ. 1693 จึงไม่มีการมอบหนังสือใดๆ ที่ยอมรับการครอบครองเกาะอุทซึเรียวและเกาะทะเคะชิมะของอาณาจักรเกาหลีจากรัฐบาลโชกุน และในความจริงก็ไม่มีการมอบหนังสือใดๆเกิดขึ้นจริง
3. ยิ่งไปกว่านั้น จากเนื้อหาในเอกสารของสาธารณรัฐเกาหลีใต้ได้ระบุว่า นายอันยง-บกได้ให้การว่า ในปี ค.ศ. 1696 ขณะที่เดินทางมายังประเทศญี่ปุ่น ได้เห็นชาวญี่ปุ่นหลายคนอยู่บนเกาะอุทซึเรียว แต่ทว่าในความเป็นจริง เขาเดินทางมายังประเทศญี่ปุ่นหลังจากที่รัฐบาลโชกุนได้ประกาศคำสั่งห้ามชาวญี่ปุ่นเดินทางข้ามไปเกาะอุทซึเรียวแล้ว ในเวลานั้น ทั้งครอบครัวโอยะและครอบครัวมุระคะวะ ต่างก็ไม่ได้เดินทางข้ามไปยังเกาะแห่งนี้แล้ว
4. เอกสารของสาธารณรัฐเกาหลีที่เกี่ยวข้องกับคำให้การของ นายอันยง-บกเป็นคำให้การที่เกิดขึ้นในขณะที่ถูกสอบสวนหลังจากที่กลับมายังอาณาจักรเกาหลีในข้อหากระทำผิดละเมิดข้อห้ามของประเทศโดยการเดินทางออกนอกประเทศ ในปี ค.ศ. 1696 และในคำให้การนี้ ยังมีอีกหลายบริบทที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง แต่สาธารณรัฐเกาหลีกลับนำคำให้การที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงมาใช้เป็นหนึ่งในหลักฐานเพื่อเรียกร้องอำนาจอธิปไตยเหนือเกาะทะเคะชิมะ